กราบสวัสดีคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกๆท่านด้วยนะครับ ในวันนี้เรามาเอาใจคนสายท่องเที่ยวกัน ที่ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้เป็นที่ที่หลายคนใฝ่ฝันว่าสักวันต้องมาให้ได้
นั่นก็คือ 10 พิกัดตามล่าแสงเหนือ แสงใต้ ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติสุดโรแมนติกที่เกิดขึ้นเฉพาะแถบขั้วโลกในช่วงฤดูหนาว
คำว่า Aurora เป็นคำที่ใช้เรียกรวมๆกันของ แสงเหนือ (Aurora Borealis) และแสงใต้ (Aurora Australis) นั่นเป็นเพราะว่าปรากฎการณ์นี้สามารถเกิดได้ทั้งแถบขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ แต่เนื่องจากประเทศในแถบขั้วโลกเหนือนั้นมีอยู่มากกว่า ทำให้ความนิยมของ แสงเหนือ มีมากกว่า แสงใต้ นั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นความสวยงามก็ไม่แพ้กันนะ ถ้าทุกคนพร้อมแล้วเราไปเริ่มดูกันเลยคร้าบ
ออโรร่า (Aurora) เกิดจากอะไร?
1. SWEDEN
ด้วยสภาพอากาศแบบเฉพาะตัวขอ
สถานที่สำหรับชมแสงเหนือที่มีชื่อเสียงของประเทศสวีเดนมีอยู่หลายที่ด้วยกัน เช่น ที่ Aurora Sky Station สถานีชมแสงเหนือในอุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) สุดเงียบสงบ ตั้งอยู่ในเขตเมืองคิรูน่า (Kiruna) ทางตอนเหนือของสวีเดน ห่างจากเมืองหลวงสต็อกโฮล์มประมาณ 1,200 กิโลเมตร ที่นี่คุณจะต้องขึ้นกระเช้าไปยังตัวสถานีด้านบนภูเขา มีความโดดเด่นในเรื่องท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้มากเป็นพิเศษ
จุดที่ดีที่สุด : Kiruna, Abisko, Swedish Lapland
ช่วงเวลาที่แนะนำ : เดือนกันยายน-มีนาคม
ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.mthai.com, travelblog.expedia.co.th, mushroomtravel.com
2. RUSSIA
ใครอยากไปชมแสงเหนือแบบฟินๆ ง่ายๆ ไม่ต้องขอวีซ่าก็ต้องที่รัสเซียนี่แหละ เพราะที่นี่เป็นประเทศเดียวเลยที่เราสามารถไปดูแสงเหนือได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า และแสงเหนือที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆเลยด้วย เมืองที่เป็นสถานที่ยอดนิยมคือ เมืองเมอร์มังส์ก (Murmansk) เมืองทางตอนเหนือใกล้ๆกับ คาบสมุทรโกลา (The Kola Peninsula) ซึ่งเป็นเหมือนประตูสู่การชมแสงเหนือของประเทศรัสเซีย
นอกจากจะได้ชมแสงเหนือที่สวยงามแล้ว ยังจะได้สัมผัสวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวเมืองรัสเซียที่นี่อีกด้วย และยังสามารถทำกิจกรรมอื่นได้อีก เช่น กิจกรรมตกปลาน้ำแข็ง ซึ่งที่นี่อาจจะเป็นทริปเริ่มต้นสำหรับใครหลายๆคนที่กำลังอยากไปชมแสงเหนือ เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นคือมีข้อดีตรงที่ไปชมแสงเหนือแบบฟินๆได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาขอวีซ่านั่นเอง
จุดที่ดีที่สุด : Murmansk, Siberia, Kola Peninsula
ช่วงเวลาที่แนะนำ : เดือนกุมภาพันธ์
ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.mthai.com, mushroomtravel.com, travelblog.expedia.co.th
3. ICELAND
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “แสงเหนือไอซ์แลนด์” มาก่อน เพราะไอซ์แลนด์เป็นประเทศตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่เหล่านักล่าแสงเหนือไม่ควรพลาด ประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและไร้มลพิษแห่งนี้ ทำให้ไอซ์แลนด์ต่
หากจะ ดูแสงเหนือ ในสถานที่วิวสวยจับใจคงคิดถึงประเทศไอซ์แลนด์ แดนภูเขามากเสน่ห์ ที่มีโลเคชั่นชมแสงออโรร่าฟุ้งกระจายเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน บรรยากาศธรรมชาติกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแบบไม่มีอะไรปิดกั้นได้ แม้จะบอกว่าสามารถเห็นแสงเหนือได้แทบทุกที่ในประเทศไอซ์แลนด์ แต่อยากเชียร์ให้ไปดูที่นอกเมืองดีกว่าเพราะเราจะได้เห็นแสงเหนือแบบฟินๆโดยไม่มีแสงจากในเมืองมากวนใจเลย
จุดที่ดีที่สุด : Þingvellir National Park, Kirkjufell , most of the country
ช่วงเวลาที่แนะนำ : พบเห็นได้ทั้งปีโดยเฉพาะฤดูหนาว ตุลาคม-มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่กลางคืนยาว มองเห็นออโรราชัด และไม่หนาวจนเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.mthai.com, mushroomtravel.com, travelblog.expedia.co.th
4. FINLAND
บอกเลยว่าที่นี่ฟินสมชื่อจริงๆ ส่วนใหญ่นักล่าแสงเหนือจะชื่นชอบที่นี่มากๆ เพราะมีมีจุดชมแสงเหนือมากมาย ซึ่งจุดยอดนิยมอยู่ที่ แลปแลนด์ (Lapland) ได้แก่ Sodankylä สถานที่ตั้งของ Finland’s National Observatory of Northern Lights ทะเลสาบอินารี (Inari Lake) ทะเลสาบขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของฟินแลนด์ รวมไปถึงอุทยานแห่งชาติ Luosto และ Oulanka ก็เป็นอีกสถานที่ที่ไร้แสงอื่นๆรบกวน จะมีแสงออโรร่าบนท้องฟ้าให้ดูได้ สวยงามสมชื่อฟินแลนด์เลย
และเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะได้พบกับ แสงเหนือ แบบตัวเป็น
จุดที่ดีที่สุด : Luosto, Nellim, Utsjoki, Ivalo, Kakslauttanen ,lapland
ช่วงเวลาที่แนะนำ : ปลายเดือนสิงหาคมถึงเมษายน
ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.mthai.com, mushroomtravel.com, travelblog.expedia.co.th
5. ALASKA USA
เมืองแฟร์แบงค์ (Fairbanks) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ในรัฐอลาสกา (Alaska) เมืองที่ใครก็ตามที่มาเที่ยวถึงรัฐอลาสก้าจะต้องรู้จัก ซึ่งสามารถมาเที่ยวได้ทุกเวลา ไม่ว่าคุณจะอยากมาเล่นหิมะในช่วงฤดูหนาว หรือมาพักตากอาอาศในช่วงฤดูร้อน ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนของปีเมืองนี้ก็จะมีอะไรให้คุณได้ทำอยู่เสมอ สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่เมืองนี้มากที่สุดเห็นจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากแสงเหนือที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นั่นเอง เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่สามารถรับชมปรากฏการณ์นี้ได้สวยที่สุดในโลก ถ้าอยากรู้ว่าจะสวยจริงมั้ยคงต้องออกเดินทางไปพิสูจน์ด้วยสายตาของตัวเองล่ะ!
นอกจากนี้ยังมี น้ำแข็งกลาเซียร์ (Glacier) ที่เชื่อว่าจะละลายหมดภายในไม่กี่ปีข้างหน้าเพราะอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น สำหรับผู้ที่ชอบงานศิลปะไม่ควรพลาดการแข่งขันศิลปะน้ำแข็งโลก (World Ice Art Championships) ที่มีการประกวดและแสดงผลงานประติมากรรมน้ำแข็งที่งดงาม ที่จะจัดขึ้นในช่วงกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคม
จุดที่ดีที่สุด : Anchorage, Fairbanks, Denali, the Yukon
ช่วงเวลาที่แนะนำ : เดือนกันยายนถึงเมษายน
ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.mthai.com, mushroomtravel.com, painaidii.com, skyscanner.co.th, yingpook.com
6. CANADA
แคนาดา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หากคุณมีโอกาสไปเยือนแคนาดา คุณจะต้องตื่นตาตื่นใจไปกับธรรมชาติอันสวยงามราวกับดินแดนในฝัน ทั้งน้ำตกไนแองการ่า, ทะเลสาบเลค หลุยส์, เทือกเขาร็อกกี้ เมาน์เทน เป็นต้น แต่ที่อลังการไม่แพ้กันก็คือแสงเหนือ ที่จะสามารถพบเห็นได้ทางภูมิภาคทางด้านเหนือของประเทศ โดยเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ เมืองเยลโลว์ไนฟ์ (Yellowknife) คุณจะได้เห็นแสงเหนือเต้นระบำบนฟากฟ้าเหนือยอดสน
นอกจานี้ยังมีสถานที่อื่นๆอีก เช่น พื้นที่รอบๆ ทะเลสาปพริสไทน์ (Pristine Lake) ทางด้านเหนือของออนทาริโอ (Ontario) และเมืองเล็กอย่าง
จุดที่ดีที่สุด : Calgary, Ontario, Yukon Territory, Manitoba
ช่วงเวลาที่แนะนำ : เดือนมกราคมถึงกลางมีนาคม
ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.mthai.com, mushroomtravel.com, today.line.me, travel.kapook.com
7. NORWAY
นอเวย์ เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการล่าแสงเหนือ โดยเมืองที่จะสามารถชมแสงเหนือได้อย่างอลังการจะอยู่บริเวณ เมืองทรอมโซ (Tromso) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านเหนือของประเทศนอร์เวย์ เป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญของประเทศ ที่นี่สวยงามด้วยวิวของทิวเขา ป่าสน และทะเลนอร์วีเจียน อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีแสงเหนือที่สวยเพราะอยู่ท่ามกลางวงแหวนแสงออโรร่า (Aurora Oval) พอดิบพอดี เหมาะสำหรับคนรักความสงบ และยังมี เมือง Andenes ก็เป็นจุดที่แนะนำเช่นกัน
อีกที่หนึ่งที่นักล่าแสงเหนือไม่ควรพลาดก็คือ Lofoten Islands หมู่บ้านสวยๆ ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล นอกจากจะเป็นจุดชมแสงเหนือแบบเอกซ์คลูซีฟแล้ว ยังมีฉากหลังเป็นหมู่บ้านสวยๆ อีกด้วย แถมยังมีทางเลือกมากกว่าที่
จุดที่ดีที่สุด : Svalbard, Alta, Svalbard, Finnmark
ช่วงเวลาที่แนะนำ : สามารถพบได้ในคืนที่ท้องฟ้าโล่ง หรือในเดือนกันยายนถึงมีนาคม
ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.kapook.com, travel.mthai.com, mushroomtravel.com, travelblog.expedia.co.th
8. GREENLAND
ถ้าใครชอบเที่ยวชมธรรมชาติและชอบความเงียบสงบขั้นสุด กรีนแลนด์ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับคุณจริงๆ เพราะที่นี่มีประชากรอยู่เพียงแค่ประมาณ 60,000 คน ถ้าได้มีโอกาสไปเยือนกรีนแลนด์ คุณจะสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบที่แท้จริง เพราะแทบจะไม่ค่อยเห็นคนกรีนแลนด์เท่าไร ส่วนจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมแสงเหนือก็จะอยู่ที่เขต Kangerlussuaq เป็นหมู่บ้านเล็กๆทางฝั่งตะวันตกของเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งจะมีวิวที่สวยงามและสามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน ส่วนจุดอื่นที่แนะนำ ได้แก่ Lake Aurora, เมือง Ilulissat Town
ด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นท
จุดที่ดีที่สุด : Kulusuk, Ammassalik , Kuuk
ช่วงเวลาที่แนะนำ : เดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์
ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.kapook.com, travel.mthai.com, mushroomtravel.com
9. SCOTLAND
แม้ว่าส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ
สถานที่ที่เต็มไปด้วยตำนานและมีทิวทัศน์ที่มีมนต์ขลังมากมาย Isle of Skye มีทัศนียภาพที่งดงาม เนื่องจากมีท้องฟ้าที่กว้างใหญ่และไม่มีมลภาวะ Skye จึงเหมาะที่จะเป็นจุดชมแสงเหนือได้เป็นอย่างดีและมีอยู่หลายแห่ง ในบางครั้งท้องฟ้าโปร่งโล่งมากจนสามารถมองเห็นทางช้างเผือกและกลุ่มดาวสวยงามมากมายตระการตา
จุดที่ดีที่สุด : Aberdeen, Isle of Skye, Northern Highlands, Dunnet Head
ช่วงเวลาที่แนะนำ : เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์
ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.mthai.com, mushroomtravel.com, dhakulchan.org, changtrixget.com, th.yourtripagent.com
10. AUSTRALIA
การดูดาวเป็นกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลาย สงบและสุดแสนโรแมนติกที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในประเทศออสเตรเลียและช่างโชคดีที่ออสเตรเลียก็มีสถานที่มากมายให้ผู้คนได้เพลิดเพลินกับการดูดาว ซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าการดูดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่ออสเตรเลีย นั่นคือ การดูและถ่ายภาพแสงใต้ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “ออโรราออสเตรลีส”
จุดแนะนำคือที่ Tasmania รัฐทางตอนใต้ของออสเตรเลียอีกด้วย แสงใต้ที่นี่จะเห็นได้ตลอดปี ถ้าท้องฟ้าปลอดโปร่ง และมีค่า Aurora Activity ที่สูง โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนมักจะเป็นเดือนที่สังเกตเห็นแสงใต้ในรัฐ Tasmania ประเทศออสเตรเลียได้สวยงามและชัดเจนที่สุดจากทุกมุมเลยทีเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะการเดินทางจากประเทศไทยไปรัฐ Tasmania ก็สะดวกสบาย สามารถนั่งเครื่องบินไปลงที่ Hobart International Airport ได้เลย
จุดที่ดีที่สุด : Tasmania, Hobart, Apollo Bay
ช่วงเวลาที่แนะนำ : มีโอกาสเห็นได้ตลอดทั้งปี
ขอบคุณข้อมูลจาก : travelblog.expedia.co.th, changtrixget.com, spacetourismguide.com
ก็จบลงไปกันแล้วกับ 10 พิกัดตามล่าหาแสงเหนือ-แสงใต้ที่ต้องไปสักครั้งก่อนตาย หวังว่าจะถูกอกถูกใจและเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวคุณออกไปท่องโลกกว้างกันนะครับ
ถ้าเห็นว่าบทความนี้ดีมีประโยชน์ ก็อย่าลืมแบ่งปันให้กับเพื่อนๆคุณกันนะ แล้วมาพบกับเรื่องราวการเดินทางดีๆที่จะมอบความสุขให้กับคุณได้ใหม่ สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีครับ