ยินดีต้อนรับกับผู้ที่รักในการถ่ายวิดีโอทุกคนนะคร้าบ เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก Snoppa M1 กันไปพอสมควรแล้ว
ว่ามันคือกิมบอล 3 แกนใช้กับมือถือ แล้วพวกเราทราบกันดีหรือยังครับว่า กิมบอล (Gimbal) จริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่
ในบทความนี้เราจะไปดูกันครับว่า กิมบอลมันคืออะไรแล้วจะเลือกซื้ออย่างไรดี เพื่อไม่เสียเวลาไปเริ่มกันเลยคร้าบ
กิมบอล (Gimbal) คืออะไร?
กิมบอล (Gimbal) คืออุปกรณ์เสริมตัวหนึ่งที่ใช้กับกล้องหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง DSLR กล้อง Action Cam.
และแน่นอนรวมไปถึงกล้องมือถือด้วย โดยจะช่วยในเรื่องของการถ่ายวิดีโอของกล้องเหล่านี้ให้มีความนิ่งนุ่มนวล
ไม่เกิดการสั่นไหว ซึ่งจะช่วยเมื่อเรามีการเคลื่อนไหวท่าทางต่างๆในการถ่าย เช่น การเดิน การวิ่ง หรือจะท่ายากแค่ไหน
เมื่อถ่ายออกมาก็ยังคงมีความนิ่งและออกมาได้อย่างสวยงาม พร้อมไปใช้ตัดต่อให้สมบูรณ์แบบต่อได้ทันที
ความสำคัญของกิมบอล
ทำไมเราต้องใช้กิมบอลน่ะหรอ? นั่นก็เพราะว่าเราต้องการไฟล์วิดีโอที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานนั่นเอง
ถ้าเราไม่ได้ใช้อุปกรณ์กันสั่นหรือกิมบอลเหล่านี้เลย การจะถ่ายวิดีโอให้มีความนิ่งนั้นผู้ถ่ายจะต้องมีทักษะในการ
ถ่ายวิดีโอให้ออกมานิ่ง ซึ่งแน่นอนว่าต้องอาศัยการฝึกฝนและต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ถ้าเรามีกิมบอลเป็นตัวช่วย
การถ่ายวิดีโอให้นิ่งก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย และอีกอย่างนึงก็คือใครๆก็สามารถทำได้ด้วยครับ
กิมบอลแบ่งเป็น 2 ชนิด
1. แบบที่เรียกว่า “Wearable”
กิมบอลแบบ Wearable คือ แบบที่ใช้ในการสวมใส่ร่างกาย ไม่ใช่เอามาสวมใส่แบบเสื้อผ้านะครับ (ฮา)
แต่หมายถึงเป็นกิมบอลที่ติดตามอุปกรณ์ต่างๆที่เราใช้งาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้กับอุปกรณ์ยึดขาจับกล้องในแบบต่างๆ
ตัวอย่างอุปกรณ์ที่เอาไปใช้งานก็จะได้แก่ หมวกกันน็อค จักรยาน และอุปกรณ์อื่นๆ
2. แบบที่เรียกว่า “Handheld”
กิมบอลแบบ Handheld คือ แบบที่ใช้สำหรับถือถ่ายโดยเฉพาะ เหมาะกับช่างภาพที่เน้นถ่ายวีดีโอในงานสำคัญต่างๆ
หรือก็คือพวกไม้กันสั่นที่เราเห็นขายกันอยู่หลายๆยี่ห้อนั่นเองครับ มีทั้งแบบราคาไม่กี่พันบาทไม่จนถึงหลายหมื่นบาท
หลายเกรดให้เลือกใช้กันตามสไตล์การใช้งานของแต่ละคน ซึ่งเดี๋ยวตอนท้ายจะมีวิธีการเลือกซื้อกิมบอลชนิดนี้ให้ครับ
2 แกน กับ 3 แกน คืออะไร
คนที่อยู่ในวงการกิมบอลเราน่าจะคุ้นๆกับคำว่ากิมบอล 2 แกน กิมบอล 3 แกน กันใช่มั้ยครับ แกนที่เขาพูดกัน
นั้นหมายถึงทิศทางการเคลื่อนที่ของกิมบอลตัวนั้นว่าไปทางไหนได้บ้าง จะมีอยู่ในกิมบอลทั้ง 2 ชนิดเลยครับ
ความแตกต่างก็คือ 3 แกนส่วนใหญ่แล้วจะมีมอเตอร์ 3 ตัวในการควบคุม และจะเคลื่อนไหวได้ 3 ทิศทางตามแกน X,Y,Z
ส่วนแบบ 2 แกนจะเหลือมอเตอร์ 2 ตัว และเคลื่อนไหวได้เพียง 2 ทิศทางซึ่งจะขาดหายไปแกนใดแกนหนึ่งนั่นเองครับ
Handheld Gimbal
แบบ 2 แกน
แบบ 3 แกน
Wearable Gimbal
แบบ 2 แกน
แบบ 3 แกน
วิธีการเลือกซื้อกิมบอล (Handheld)
1. แบบ 2 แกนหรือแบบ 3 แกน
ปัจจัยสำคัญอย่างแรกเลยเราก็ต้องดูก่อนว่าเราต้องการใช้กิมบอลแบบ 2 แกน หรือ 3 แกน การตัดสินใจ
ก็ไม่พ้นเรื่องของงบประมาณที่เรามีครับแบบ 2 แกนราคาจะถูกกว่าแบบ 3 แกน แต่ประสิทธิภาพของ 3 แกน
ก็จะสูงกว่าเพราะว่าถ่ายได้หลายทางกว่า ถ้าเลือกแบบ 2 แกน อีกหนึ่งทิศทางที่ขาดหายไป เช่น การแพน (Pan)
ก็อาจแพนแบบ Manual แทนได้อยู่ครับ แต่ถ้าอยากชิลๆภาพถ่ายออกมาสวยโดยไม่ต้องลำบากมาก
เพิ่มงบอีกหน่อยซื้อแบบ 3 แกนไปเลยครับ ราคาเบาๆแต่ประสิทธิภาพสูงมีเยอะเลย
2. แบตเตอรี่
แหล่งพลังงานอย่างแบตเตอรี่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกันครับ เพราะกิมบอลแต่ละรุ่นก็จะมีแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน
บางรุ่นเป็นแบตติดอยู่ในตัวกิมบอลเลย บางรุ่นก็เป็นแบตแบบถอดเปลี่ยนได้ ความจุก็เช่นกันมากน้อยต่างกันไป
และอีกสิ่งสำคัญเลยคือ ระยะเวลาในการใช้งานต่อเนื่องได้กี่ชั่วโมงกัน? ถ้าชาร์จกับ Power bank และเล่นไปด้วย
จะสามารถใช้งานได้หรือไม่? เราก็ลองพิจารณาเลือกให้เหมาะกับตามสไตล์การใช้งานของเราไปเลยครับ
3. การใช้งานกับขาตั้งกล้อง
ในบางสถานการณ์ตอนใช้งาน เราอาจไม่ได้ถือเจ้ากิมบอลเราถ่ายอยู่ตลอดเวลา อาจจำเป็นต้องการตั้งถ่ายนิ่งๆอยู่กับที่บ้าง
เช่น การตั้งถ่ายแบบ Motion Time Lapse เป็นต้น ฉะนั้นกิมบอลที่มีฟังก์ชั่นต่อกับขาตั้งกล้องได้ทันทีเลย
ก็ดูจะน่าสนใจกว่าบางรุ่นที่อาจจะต้องไปหาอุปกรณ์เสริม ทำให้ไม่สะดวกบ้างในการใช้งานบางโอกาสครับ
4. การเสริมอุปกรณ์
ในการถ่ายวิดีโอ เรื่องที่สำคัญไม่แพ้เรื่องภาพก็คือเรื่องเสียงครับ ทำให้เวลาเราถ่ายวิดีโอก็จำเป็นที่จะต้องมี
อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมอย่าง ไมโครโฟน ต่อเพิ่มเข้าไป เราอาจต้องดูนิดนึงครับว่ากิมบอลรุ่นนั้นๆ ถ้าหากเรา
ต้องต่ออุปกรณ์ลงไปจะทำได้ไหม กิมบอลบางรุ่นอาจจะลำบากนิดนึง แต่บางรุ่นก็ทำได้ง่ายๆเลย ลองเลือกดูดีๆนะครับ
5. Application
เรื่องสุดท้ายที่เราควรจะดูกันก็คือการรองรับการใช้งานกับแอพฯนั่นเองครับ เราอาจจะเห็นหลายรุ่นที่ใช้งาน
แบบไม่ใช้แอพฯก็ได้ แต่การมีแอพฯรองรับก็ยังสำคัญอยู่ดีครับ เพราะมันจะทำให้กิมบอลมีการใช้งานที่เสถียรกว่า
แล้วในแอพฯก็ยังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้วิดีโอของเรามีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น แนะนำให้เราลองศึกษาตัวแอพฯ
ของกิมบอลแต่ละรุ่นดูก่อนนะครับ ว่ามีลูกเล่นเหมาะกับการใช้งานของเรามากน้อยแค่ไหน
จบไปแล้วนะครับกับเรื่องราวสาระทั้งหลายที่เกี่ยวกับคำว่ากิมบอล (Gimbal) ก็หวังว่าจะช่วยให้พวกเราเข้าใจ
กันมากขึ้นไปอีก และก็ขอฝากเจ้าตัว Snoppa M1 เข้าไปอยู่ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนกันด้วยนะครับ
ถ้าเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ก็อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆของคุณกันนะครับ ขอขอบคุณและสวัสดีคร้าบ